เนื้อหาออกสอบ ดนตรี [FN1-54]
หน้า 1 จาก 1
เนื้อหาออกสอบ ดนตรี [FN1-54]
เนื้อหาออกสอบวิชา ดนตรี
วงปี่พาทย์ไม้แข็ง ใช้ประกอบพิธีมงคลต่างๆ
วงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องห้า เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยสุโขทัย เดิมเป็นวงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องห้าอย่างหนัก มีเครื่องดนตรี 5 ชิ้น คือ ปี่ใน ฆ้องวงใหญ่ ตะโพน กลองทัด ฉิ่ง ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ได้เพิ่มระนาดเอก ทราบจากหลักฐานการแกะสลักภาพระนาดเอกที่ประตูพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ และในสมัยรัชกาลที่ 1 ได้เพิ่มกลองทัดอีก 1 ลูก รวมเป็น 2 ลูก นับว่าเป็นวงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องห้าที่สมบูรณ์ที่สุด
วงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องคู่ เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้เพิ่มปี่ใน ระนาดทุ้ม ฆ้องวงเล็ก จากวงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องห้า
วงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องใหญ่ เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นวิวัฒนาการขั้นสูงสุดของวงปี่พาทย์ไม้แข็ง มีการเพิ่มระนาดเอกเหล็ก ระนาดทุ้มเหล็ก ฉาบใหญ่ โหม่ง จากวงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องคู่
วงปี่พาทย์เครื่องหก เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกอบด้วย ปี่ใน ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่ ตะโพน กลอดทัด 2 ลูก ฉิ่ง
วงปี่พาทย์เสภา เกิดขึ้นในสมัย รัชกาลที่ 2 ใช้ประกอบการขับเสภา การจัดรูปแบบการบรรเลง จะขึ้นต้นด้วย “รัวประลองเสภา” ประกอบด้วย ปี่ใน ระนาดเอก ฆ้องวงใหญ่ กลองสองหน้า (แทนตะโพน และกลองทัด)
วงปี่พาทย์นางหงส์ เกิดจากการผสมของวงปี่พาทย์ไม้แข็ง รวมกับวงเครื่องกลองมลายู ใช้ในงานศพเท่านั้น ใช้กลองมลายูแทนตะโพนและกลองทัด ใช้ปี่ชวาแทนปี่นอกและปี่ใน
วงปี่พาทย์มอญ ได้รับจากมอญในสมัยอยุธยา เดิมชาวมอญ ใช้ในงานมงคล และงานศพ แต่คนไทยใช้ในงานศพ เคยใช้ในการฉลองพระแก้วมรกต เอกลักษณ์สำคัญ คือ ฆ้องมอญ ปี่มอญ และเปิงมางคอก
ลาลูแบ เป็นชาวฝรั่งเศส ที่บันทึกวิวัฒนาการของเครื่องดนตรีไทยในสมัยอยุธยาไว้ในจดหมายเหตุ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
วงปี่พาทย์ไม้แข็ง ใช้ประกอบพิธีมงคลต่างๆ
วงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องห้า เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยสุโขทัย เดิมเป็นวงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องห้าอย่างหนัก มีเครื่องดนตรี 5 ชิ้น คือ ปี่ใน ฆ้องวงใหญ่ ตะโพน กลองทัด ฉิ่ง ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ได้เพิ่มระนาดเอก ทราบจากหลักฐานการแกะสลักภาพระนาดเอกที่ประตูพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ และในสมัยรัชกาลที่ 1 ได้เพิ่มกลองทัดอีก 1 ลูก รวมเป็น 2 ลูก นับว่าเป็นวงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องห้าที่สมบูรณ์ที่สุด
วงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องคู่ เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้เพิ่มปี่ใน ระนาดทุ้ม ฆ้องวงเล็ก จากวงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องห้า
วงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องใหญ่ เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นวิวัฒนาการขั้นสูงสุดของวงปี่พาทย์ไม้แข็ง มีการเพิ่มระนาดเอกเหล็ก ระนาดทุ้มเหล็ก ฉาบใหญ่ โหม่ง จากวงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องคู่
วงปี่พาทย์เครื่องหก เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกอบด้วย ปี่ใน ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่ ตะโพน กลอดทัด 2 ลูก ฉิ่ง
วงปี่พาทย์เสภา เกิดขึ้นในสมัย รัชกาลที่ 2 ใช้ประกอบการขับเสภา การจัดรูปแบบการบรรเลง จะขึ้นต้นด้วย “รัวประลองเสภา” ประกอบด้วย ปี่ใน ระนาดเอก ฆ้องวงใหญ่ กลองสองหน้า (แทนตะโพน และกลองทัด)
วงปี่พาทย์นางหงส์ เกิดจากการผสมของวงปี่พาทย์ไม้แข็ง รวมกับวงเครื่องกลองมลายู ใช้ในงานศพเท่านั้น ใช้กลองมลายูแทนตะโพนและกลองทัด ใช้ปี่ชวาแทนปี่นอกและปี่ใน
วงปี่พาทย์มอญ ได้รับจากมอญในสมัยอยุธยา เดิมชาวมอญ ใช้ในงานมงคล และงานศพ แต่คนไทยใช้ในงานศพ เคยใช้ในการฉลองพระแก้วมรกต เอกลักษณ์สำคัญ คือ ฆ้องมอญ ปี่มอญ และเปิงมางคอก
ลาลูแบ เป็นชาวฝรั่งเศส ที่บันทึกวิวัฒนาการของเครื่องดนตรีไทยในสมัยอยุธยาไว้ในจดหมายเหตุ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|